ความแตกต่างระหว่างไม้ E2,E1,E0และ มาตราฐานของไม้ทำเฟอร์นิเจอร์

เฟอร์นิเจอร์เป็นสัดส่วนที่สำคัญสำหรับการอยู่อาศัย ณ ปัจจุบัน ถือได้ว่าเป็นสิ่งใกล้ตัวมากจนผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่มองข้ามถึงความเป็น “มาตรฐาน” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากไม้เทียมต่างๆ อาทิ ไม้อัดประเภท PB (Particle Board) / MDF (Medium Density Fibreborad หรือ HDF (High Density Fibreboard) โดยความแตกต่างของไม้ทั้ง 3ชนิดคือ ขนาดของเศษไม้และการใช้แรงดันอัดที่แตกต่างกัน โดยนำไม้มาสับหรือบดให้ละเอียด ผสมกับเรซิน เพื่อให้ไม้ยึดเกาะกัน แล้วนำไปผ่านความร้อนแล้วอัดเป็นแผ่น ซึ่งเรซินที่ใช้จะมีส่วนประกอบของสารฟอร์มาลดีไฮด์ ดังนั้นเมื่อไม้ที่ใช้เรซินชนิดนี้ ก็จะมีสารฟอร์มาลดีไฮด์ตกค้าง เรซินที่ปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮด์ออกมา จะเป็นกลุ่มยูเรียฟอร์มาลดีไฮด์ เมลามีนฟอร์มาลดีไฮด์ เรซินเหล่านี้จะมีค่าสารฟอร์มาลดีใฮด์ตกค้าง เราเรียกว่า ฟรีฟอร์มาลดีไฮด์ (Free formaldehyde: FF ) ถ้ามีค่าน้อยจะหมายถึงมีสารฟอร์มาลดีไฮด์ตกค้างน้อย มีหน่วยเป็น %

ในทวีปยุโรปตื่นตัวและเริ่มขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าว โดยได้กำหนดมาตรฐานการวัดค่าสารฟอร์มาลดีไฮด์หรือ European formaldehyde emission standards โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ โดยเริ่มจาก “E2” ระดับที่เป็นอันตรายกับผู้ใช้เพราะมีการปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮด์สูงกว่ากำหนด ปัจจุบันไม่ค่อยพบเจอเฟอร์นิเจอร์ E2 แล้วเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าไปขายในประเทศต่างๆ ต่อมาสำหรับ “E1” ได้รับความนิยมสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทยในการยึดเป็นมาตรฐาน เนื่องจาก E1 เป็นมาตรฐานสากลสำหรับพื้นไม้และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งจะมีสารฟอร์มาลดีไฮด์ไม่เกิน 0.75 ppm และสำหรับ “E0” เป็นมาตรฐานขั้นสูงที่อัพเกรดขึ้นมาจาก E1 โดยเฟอร์นิเจอร์ที่จะผ่านขั้นนี้จะมีสารฟอร์มาลดีไฮด์ไม่เกิน 0.07 ppm หรือหนึ่งส่วนในล้านส่วน (1 ใน 1,000,000) และสุดท้ายกับ Super E0 นั้นคือการไม่พบสารฟอร์มาลดีไฮด์เลยในเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งในทุกภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการผลิตกำลังดำเนินการและพัฒนาเพื่อให้มาตรฐานดังกล่าวครอบคลุมอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์โลกในอนาคตต่อไป

ในทวีปยุโรปตื่นตัวและเริ่มขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าว โดยได้กำหนดมาตรฐานการวัดค่าสารฟอร์มาลดีไฮด์หรือ European formaldehyde emission standards โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ โดยเริ่มจาก “E2” ระดับที่เป็นอันตรายกับผู้ใช้เพราะมีการปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮด์สูงกว่ากำหนด ปัจจุบันไม่ค่อยพบเจอเฟอร์นิเจอร์ E2 แล้วเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าไปขายในประเทศต่างๆ ต่อมาสำหรับ “E1” ได้รับความนิยมสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทยในการยึดเป็นมาตรฐาน เนื่องจาก E1 เป็นมาตรฐานสากลสำหรับพื้นไม้และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งจะมีสารฟอร์มาลดีไฮด์ไม่เกิน 0.75 ppm และสำหรับ “E0” เป็นมาตรฐานขั้นสูงที่อัพเกรดขึ้นมาจาก E1 โดยเฟอร์นิเจอร์ที่จะผ่านขั้นนี้จะมีสารฟอร์มาลดีไฮด์ไม่เกิน 0.07 ppm หรือหนึ่งส่วนในล้านส่วน (1 ใน 1,000,000) และสุดท้ายกับ Super E0 นั้นคือการไม่พบสารฟอร์มาลดีไฮด์เลยในเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งในทุกภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการผลิตกำลังดำเนินการและพัฒนาเพื่อให้มาตรฐานดังกล่าวครอบคลุมอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์โลกในอนาคตต่อไป

อีกปัจจัยที่ผู้อยู่ยังคงกังวลคือ เรื่องของสีที่ใช้เคลือบเฟอร์นิเจอร์มีสารฟอร์มาลดีไฮด์เจือปน โดยสีที่มีสารดังกล่าวนั้นส่วนใหญ่จะเป็น สีประเภทสีอบและ สีอะมิโนอัลคีดหรือแอซิดเคียวริ่ง อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านสีหลากหลายท่านลงความเห็นตรงกันว่า “สีอบแทบไม่มีกลิ่นฟอร์มาลดีไฮด์เลยเนื่องจาก ส่วนมากสีอบจะใช้สารเมลามีนฟอร์มาลดีไฮด์ ที่ปกติจะมีค่าการตกค้างของสารฟอร์มาลดีไฮด์ต่ำ และจากการอบนั้นต้องใช้อุณหภูมิสูงจึงทำให้สีแห้งสมบูรณ์ ทำให้สารฟอร์มาลดีไฮด์ตกค้างอยู่น้อยมากไม่เป็นอันตรายต่อการใช้งาน